ช่วงนี้ใคร ๆ ก็ได้ยินแต่คำว่า สมาร์ทฟาร์มมิ่ง (Smart Farming) ที่ว่ากันว่าจะช่วยให้เราประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น เพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น และสร้างกำไรได้มากขึ้น ได้ฟังแบบนี้เป็นใครก็ต้องตื่นเต้น พร้อมกับคำถามยอดฮิตที่ว่า “สมาร์ทฟาร์มมิ่งหน้าตาเป็นอย่างไร” วันนี้เราจึงมาไขความกระจ่างกัน ในแบบที่เมื่อคุณอ่านจบแล้วต้องบอกกับตัวเองว่าเราก็ทำได้นี่!
เทคโนโลยีที่เรียกว่า สมาร์ทฟาร์มมิ่ง หรือ เกษตรอัจฉริยะ คือ การทำเกษตรยุคใหม่แบบ 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีเครื่องจักร และนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ล้ำสมัยเข้ามาช่วยพัฒนาในการทำเกษตร เพื่อนำไปสู่การเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ ลดความเสียหาย และปลอดภัยทั้งต่อเกษตรกร สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภค ซึ่งเกิดขึ้นจริงแล้วบนพื้นที่ EECi (Eastern Economic Corridor of Innovation) หรือเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมที่เหมาะสม ดำเนินการโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับสนับสนุนการทำวิจัย และพัฒนานวัตกรรมร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย รวมถึงชุมชนในพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับ และสร้างสรรค์ให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ อีกทั้ง EECi ยังเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งภายใต้โครงการ EEC อีกด้วย
ตัวอย่างของ สมาร์ทฟาร์มมิ่ง ที่เกิดขึ้นจริงคือ สวนทุเรียนของ นายสมบูรณ์ งามเสงี่ยม เกษตรกรเจ้าของสวนบัวแก้ว หนึ่งในกลุ่มปรับปรุงคุณภาพทุเรียนวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง สามารถสร้างเกษตรกร 4.0 ขึ้นมาได้โดยการนำ Internet of Things หรือ IoT มาใช้กับเกษตรกรในพื้นที่ EECi ซึ่งเทคโนโลยี Smart IOT คือ ระบบติดตามและควบคุมการให้น้ำสำหรับพืชไร่–พืชสวนอัตโนมัติ เพราะการให้น้ำเป็นหัวใจสำคัญของการเกษตร รวมถึงการปลูกทุเรียนเพื่อให้มีลักษณะสมบูรณ์ จึงต้องคอยสังเกตหลาย ๆ อย่าง ระบบ Smart IOT ใช้เซนเซอร์ช่วยในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความชื้น ปรับการให้น้ำต้นทุเรียนอย่างเหมาะสม และสามารถดูค่าต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟนควบคุมดูแลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดี สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้วิธีการปลูกสวนทุเรียนแบบเดิม
นี่คืออีกหนึ่งความสำเร็จของสมาร์ทฟาร์มมิ่งบนพื้นที่ EECi ในอนาคตของภาคเกษตร Smart Farming จะมีความสำคัญไม่แพ้อุตสาหกรรมภาคอื่น ๆ เพราะประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรมมหาศาล เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ในประเทศมาเป็นเวลานาน การถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ได้อย่างทั่วถึงจะช่วยให้เกิดการปฏิรูปภาคเกษตรด้วยเทคโนโลยี พัฒนาไปสู่การเป็นเกษตรสมัยใหม่ที่สะดวก และลดเวลาการทำการเกษตร โดยการจัดการผ่านสมาร์ทโฟน ทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงเกษตรกรรมได้ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้ เพิ่มเวลาอยู่กับครอบครัว และที่สำคัญช่วยเปิดประตูเชื่อมเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจโลกได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การที่เรามีความรู้เกี่ยวกับสมาร์ทฟาร์มมิ่ง จะทำให้เราเตรียมความพร้อมได้ก่อนใคร สามารถจัดการ วางแผน และคำนวณเรื่องต่าง ๆ ในการดำเนินการทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อผลลัพธ์ และคุณภาพชีวิตเกษตรกรที่ดีขึ้นต่อไป